เท็กซัส ต้องเจอกับอากาศที่เย็นจัดจากอิทธิพลของ พายุหิมะ ส่งผลให้เกิดไฟดับในหลายพื้นที่ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 21 ศพ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า หลายพื้นที่ในรัฐเท็กซัสต้องเผชิญกับภาวะไฟฟ้าขัดข้อง หลังจากที่ประชาชนในพื้นที่ใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวน เพื่อคลายหนาว หลังจากรัฐเท็กซัสต้องเผชิญกับอุณหภูมิหนาว -18 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นอุณหภูมิที่ต่ำสุดในรอบมากกว่า 30 ปี
ซึ่งนาย ซิลเวสเตอร์ เทิร์นเนอร์ นายกเทศมนตรีเมืองฮิวสตัน
ได้ขอให้ประชาชนปิดเครื่องส่งน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำในท่อแข็งตัว และทำให้ท่อแตก โดยนายเทิร์นเนอร์ยังขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เนื่องจากเจ้าหน้าที่แพทย์และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมีความจำเป็นต้องใช้น้ำหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
นอกจากนี้ยังแนะนำให้ประชาชนต้นน้ำร้อนจากก๊อกน้ำ เพื่อรับมือกับความหนาว ส่วนประชาชนที่ไม่สามารถเปิดน้ำก๊อกได้ให้ดื่มจากน้ำจากในขวดเท่านั้น คาดว่าอุณหภูมิที่เย็นยะเยือกจะดำเนินต่อเนื่องจนไปถึงช่วงสุดสัปดาห์ โดยสาเหตุที่เกิดเหตุการครั้งนี้ เนื่องจากอิทธิพลของพายุฤดูหนาว ขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากอากาศหนาวแล้วอย่างน้อย 21 ศพ
สำนักพระราชวัง ออกมาเปิดเผยว่า เจ้าชายฟิลิป ได้ เข้าโรงพยาบาล และจะนอนพักฟื้นเป็นระยะเวลา 2-3 วัน หลังมีอาการประชวร ยืนยันไม่เกี่ยวกับโควิด เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว CNN รายงานว่า สำนักพระราชวัง บักกิงแฮม ได้ออกมาแถลงว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินเบอระ พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ เสด็จฯ ประทับที่โรงพยาบาล หลังพระองค์รู้สึกประชวร
ซึ่งสำนักพระราชวัง บักกิงแฮม ระบุว่า ดยุคแห่งเอดินเบอระน่าจะต้องประทับอยู่ที่โรงพยาบาล 2-3 วัน เพื่อพักผ่อนและสังเกตอาการ ตามคำสั่งของแพทย์ประจำพระองค์
โดยแหล่งข่าวภายในราชวังได้ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าชายฟิลิป เสด็จไปโรงพยาบาลด้วยรถยนต์ส่วนพระองค์ และทรงเดินเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยพระองค์เอง ซึ่งพระอาการประชวรนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 แต่อย่างใด ขณะที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ยังคงประทับอยู่ที่พระราชวังวินเซอร์ ในลอนดอนตะวันตก เจ้าชายฟิลิปและควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ชาวเน็ตตื่นมาถึงกับงง หลังจากที่ เฟซบุ๊กออสเตรเลีย สั่งแบนไม่ให้ผู้ใช้อ่านข่าวบนเว็บ หลังทางการออสเตรเลียออกกฏหมายเกี่ยวกับสื่อฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า เฟซบุ๊กในประเทศออสเตรเลียได้ปิดไม่ให้ผู้ใช้อ่านหรือแชร์ข่าวจากทั้งสื่อท้องถิ่นหรือสื่อต่างประเทศ
โดยการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทางการออสเตรเลียอนุมัติกฏหมายบังคับให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่อย่าง กูเกิ้ล หรือ เฟซบุ๊ก ให้จ่ายรายได้ส่วนหนึ่งให้กับเว็บไซต์ข่าว เพื่อเป็นการช่วยเหลือสื่อสารมวลชน หลังรายได้ลดลงร้อยละ 75 ตั้งแต่ช่วงปี 2548
ซึ่งทางรัฐบาลออสเตรเลียมองว่าผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ ใช้เว็บไซต์เพื่ออ่านข่าว จึงให้เว็บไซต์จ่ายเงินให้กับสื่อสำนักต่างๆ ทั้งนี้ด้านเฟซบุ๊กและกูเกิล ได้ออกมาค้านกฎหมายฉบับดังกล่าว และชี้ว่าเป็นการลงโทษพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม
เมียนมา ออกหมาย จับ 6 คนดัง ฐานปลุกระดมมวลชน
กองทัพ เมียนมา ได้ออกหมาย จับ 6 คนดัง ในข้อหาปลุกระดมมวลชนและข้าราชการ ส่งผลให้อาคารของทางรัฐไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า กองทัพเมียนมาได้ออกหมายจับคนดัง 6 คน หลังพวกเขาได้ออกเชิญชวนให้ประชาชนและข้าราชการออกมาชุมนุมเพื่อคัดค้านการก่อรัฐประหารที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในกลุ่มคนดังที่ได้รับหมายจับ มีทั้งดารา นักร้อง ผู้กำกับหนัง ซึ่งในหมายจับระบุว่าข้อหาของพวกเขาคือ ปลุกระดมข้าราชการให้เข้าร่วมการชุมนุม และทำให้การเดินหน้าประเทศติดขัด ซึ่งผู้ต้องหาอาจถูกสั่งจำคุกเป็นะระยะเวลาสองปีจากโทษดังกล่าว
เมื่อวันพุธที่ผ่านมานั้นประชาชนชาวเมียนมาจำนวนมากออกมาได้ชุมนุมประท้วงกองทัพและเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซานซูจี ซึ่งผู้ชุมนุมบางส่วนได้นำยานพาหนะมาจอดขวางบนถนนเพื่อกีดขวางการสัญจรของกองทัพ โดยในการชุมนุมวันพุธที่ผ่านมานั้นถือเป็นการชุมนุมครั้งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการชุมนุมมา
ย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้นกองทัพได้ทำการก่อรัฐประหารพร้อมจับกุมนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ในข้อหาโกงการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ซึ่งพล.อ. มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมารับปาก จะจัดการเลือกตั้งทันทีหลังยึดอำนาจ 1 ปีตามที่ประกาศเอาไว้
นอกจากนางอองซานซูจีแล้ว นาย วิน มินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ถูกจับกุมและตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายการห้ามชุมนุมในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากเขาได้พบปะกับผู้สนับสนุนเขาที่ออกมาเดินขบวนสนับสนุนในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตามการปิดข่าวสารในครั้งนี้ยังได้ส่งผลกระทบต่อเฟซบุ๊กของทางการและเพจกีฬาต่างๆด้วย ซึ่งทางเฟซบุ๊กระบุว่าพวกเขามีนิยามที่กว้างเมื่อพูดถึงข่าว และพวกเขาจะเร่งแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น