ทางการ ญี่ปุ่น เปิดเผยว่าเจอผู้ป่วย โควิดกลายพันธุ์ ชนิด E484K แล้ว 91 ราย ส่วนมากพบแถบคันโต ขณะที่ยอมผู้ป่วยสะสมญี่ปุ่นมีมากกว่า 4 แสนราย เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นพบผู้ป่วยโควิดกลายพันธุ์แล้ว 91 โดยส่วนใหญ่พบในเขตคันโต และพบอีกสองรายที่สนามบิน
โดยทางการรายงานว่าโควิดกลายพันธุ์ชนิดนี้หรือที่รู้จักกันว่า E484K
น่าจะมีต้นตอมาจากนอกประเทศญี่ปุ่น พร้อมระบุว่าไวรัสชนิดนี้ น่าจะมีต้นตอมาจากต่างชาติ และมีความแตกต่างจากโควิดกลายพันธุ์เชื้อสายแอฟริกาใต้และอังกฤษ E484K ที่ถูกพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ เคยปรากฏอยู่ในบราซิลก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งนอกจากนี้เคยมีรายงานว่ามีหญิงชาวบราซิลติดโควิดกลายพันธุ์ชนิดนี้ซ้ำถึงสองครั้ง
ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์แล้ว 151 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยสะสมในขณะนี้อยู่ที่มากกว่า 4 แสนราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วอย่างน้อย 7,000 ศพ
ผู้นำทีมสำรวจกล่าวว่าต้นตอของเชื้อไวรัสน่าจะมาจากโรคตามธรรมชาติของค้างคาว แต่ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นในอู่ฮั่น ซึ่งเขาเชื่อว่าเส้นทางการแพร่ระบาดน่าจะมาจาก ค้างคาว ไปยังสัตว์ชนิดอื่น และมนุษย์อีกทีหนึ่ง โดยในงานแถลงเดียวกัน WHO ยังได้กล่าวอีกว่าพวกเขาอาจจะทำการตรวจสอบทฤษฎีที่เชื่อว่าโควิดอาจจะเกิดขึ้นจากประเทศอื่นและเข้ามาแพร่ระบาดในอู่ฮั่น เนื่องจากการขนส่งอาหารแช่แข็ง
ศาลในประเทศญี่ปุ่นได้ตัดสินคดีความที่ นักเรียนฟ้องโรงเรียน ในจังหวัดโอซากา หลังอ้างว่าเธอ ถูกบังคับให้ย้อมผม
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว NHK รายงานว่า ศาลในจังหวัดโอซากา ประเทศญี่ปุ่นได้ทำการตัดสินคดีความที่ นักเรียนหญิงได้สั่งฟ้องโรงเรียนและเรียกร้องเงินชดเชย เป็นเงินกว่า 5 แสนบาท ที่เกิดการฟ้องร้องขึ้นในปี 2560 หลังจากทางโรงเรียนบังคับให้เธอย้อมผมกลับเป็นสีดำ
โดยจุดเริ่มต้นของคดีนี้ต้องย้อนกลับไป 2558 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมือง ฮาบิคิโนะ จังหวัดโอซากา โดยนักเรียนหญิงคนดังกล่าวถูกสั่งให้ย้อนผมกลับไปเป็นสีผมตามธรรมชาติ (สีดำ) แต่เธออ้างว่าสีผมธรรมชาติของเธอเป็นสีน้ำตาล
นักเรียนหญิงคนดังกล่าวที่ปัจจุบันมีอายุ 21 ปีได้เล่าวว่าทางโรงเรียนได้กดดันเธอด้วยการบอกว่า “ถ้าไม่ย้อมผมกลับ ก็ไม่ต้องมาโรงเรียนอีก” ซึ่งจากประโยคดังกล่าว ทำให้เธอไม่มาโรงเรียนอีกเลย ซึ่งทางโรงเรียนได้นำชื่อของเธอออกจากผังห้องเรียน จนนำไปสู่การฟ้องร้องในที่สุด
ซึ่งทางศาลระบุว่า กฎที่ทางโรงเรียนวางไว้ถือว่าสมเหตุสมผล และการออกกฎเพื่อคุมประพฤตินักเรียน อยู่ในดุลพินิจของทางโรงเรียน นอกจากนี้ศาลยังได้ระบุอีกว่าพวกเขาไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าทางโรงเรียนได้บังคับให้นักเรียนคนดังกล่าวย้อมผมจริง
อย่างไรก็ดีทางศาลได้สั่งให้ทางโรงเรียนจ่ายเงินให้นักเรียนหญิงเป็นเงินราวๆ 8 หมื่นบาท โดยศาลระบุว่าการที่โรงเรียนนำชื่อของเธอออกจากห้องเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง และเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้
วิจารณ์ยับ! พรรครัฐบาลญี่ปุ่น อนุญาตให้ ผู้หญิงเข้าประชุม มีข้อแม้ห้ามพูด
พรรค LDP พรรครัฐบาลญีปุ่่น ได้อนุญาตให้ ผู้หญิงเข้าประชุม ได้ โดยมีข้อแม้ว่าห้ามพูดในที่ประชุม สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างหนัก เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ LDP พรรครัฐบาลญี่ปุ่น ได้ออกมาเชิญชวนให้นักการเมืองหญิง 5 คนภายในพรรคเข้าร่วมการประชุมของบอร์ดบริหารพรรค โดยมีข้อแม้ว่าหญิงทั้งห้าห้ามพูดในที่ประชุม แต่อนุญาตให้เสนอความเห็นหลังสิ้นสุดการประชุมได้
โดย นาย โทชิฮิโระ นิคาอิ เลขาพรรควัย 82 ปีได้แถลงว่า ทางพรรคต้องการมุมมองของสตรีและสอนให้เข้าใจกระบวนการตัดสินใจในที่ประชุม ซึ่งเขาระบุว่าเขาทราบดีว่าพรรคได้รับวิจารณ์อย่างหนักถึงบทบาทของสตรีเพศในพรรค
ปัจจุบันมีผู้หญิงดำรงตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาลชุดปัจจุบัน 46 จากสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 465 คน ซึ่งคิดเพียงแค่ร้อยละ 10 เท่านั้น ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยที่ต่ำกว่าหลายประเทศที่มีค่าเฉลี่ยดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 25 นอกจากนี้จากการสำรวจยังพบอีกว่าดัชนีความเท่าเทียมทางเพศของญี่ปุ่นอยู่ที่อันดับ 121 จาก 153 ประเทศ เมื่อปีที่ผ่านมา
โดยทาง FAA กล่าวว่าพวกเขาได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยจากเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทาง FAA ได้ข้อสรุปว่าต้องมีการตรวจสอบใบพัดเครื่องยนต์มากขึ้น เนื่องจากใบพัดของเครื่องบินรุ่นดังกล่าวถือว่ามีความเป็นเอกลักษณ์และต่างจากเครื่องบินลำอื่นๆ
จนมาถึงในปัจจุบันที่แม้ว่าจะมีการตีโต้ข่าวที่ว่ากันไปแล้วนั้น ทางบริษัท Kojima Productions ก็ไม่นิ่งนอนใจแต่อย่างใด โดยได้มาประกาศผ่านทางทวีตเตอร์ทางการของบริษัทว่า ทางบริษัทได้มีการไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการแพร่กระจายของข่าวปลอม และข่าวลือต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการนำเสนอข้อมูลที่ผิด ซึ่งทางเราจะไม่มีความอดทนต่อการดำเนินการดังกล่าว และพร้อมพิจารณาถึงการดำเนินการทางกฎหมายในบางกรณี
พร้อมกันนี้นั้น Rieu ผู้เป็นหนึ่งในต้นเรื่องก็ได้ออกมากล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “ผมได้เผลอเข้าใจผิดนำเอามุกตลกมาเป็นข้อมูลอย่างไม่ได้ตั้งใจ โดยผมไม่คิดว่าผู้คนจะเอาการลอบสังหารของคนอื่นมากเป็นมุกตลกได้ แต่ผมเองก็ผิดที่ไม่ทำการตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่ ซึ่งผมได้ขอโทษต่อทั้งตัวคุณโคจิมา และแฟนเกมส์ Metal Gear ด้วย”
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น